✅ โกดัง หรือ โรงเก็บสินค้า เป็นอาคารที่มีโครงสร้างเรียบง่าย แต่มักมี ช่วงเสากว้าง เพื่อให้ได้พื้นที่โล่งใช้งานได้เต็มที่ และรับน้ำหนักจุดต่างๆ เช่น ผนัง, หลังคาเมทัลชีท, เครนในโกดัง (ถ้ามี)
เหมาะกับโกดังขนาดกลาง-เล็ก, ดินแข็งแรงพอสมควร
ตัวอย่างที่ใช้บ่อย
ฐานรากแผ่ (Spread Footing)
นิยมใช้มากที่สุดในโกดังโครงสร้างเหล็ก เพราะเสาโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นเสาเหล็กหรือเสาคอนกรีตหล่อในที่ ฐานรากจะทำเป็นตอม่อและคานคอดินเชื่อมโยงกัน กระจายน้ำหนักสู่ดินได้ดี
ฐานรากแผ่น (Mat Foundation)
ถ้าโกดังมีโหลดเฉลี่ยกระจายทั่ว หรือดินด้านบนไม่สม่ำเสมอ อาจใช้แผ่นฐานรากใหญ่คลุมทั้งอาคาร (เจอไม่บ่อยในโกดังขนาดเล็ก แต่พบในโกดังที่มีตู้คอนเทนเนอร์ซ้อนสูงหรือต้องการพื้นรับน้ำหนักมาก)
ข้อดี: ก่อสร้างง่าย ราคาประหยัด ไม่ซับซ้อน
ข้อควรระวัง: ต้องสำรวจดินให้ชัดว่าชั้นดินด้านบนรับน้ำหนักได้จริง
เหมาะกับโกดังขนาดใหญ่, โกดังที่ต้องใช้เครนหนัก หรือพื้นที่ดินอ่อน
ตัวอย่างที่ใช้บ่อย
เสาเข็ม (Pile Foundation)
เป็นฐานรากมาตรฐานสำหรับโกดังขนาดใหญ่หรือโกดังที่สร้างบนดินอ่อน (เช่น ดินริมแม่น้ำ ดินในเขตกรุงเทพฯ) ใช้เสาเข็มเจาะหรือเข็มตอก ความยาวขึ้นอยู่กับการเจาะถึงชั้นดินแข็ง
ฐานรากแบบเสาเข็มและตอม่อ
โครงสร้างโกดังเหล็กจะวางเสาบนตอม่อ (Pile Cap) ที่เชื่อมกับเสาเข็ม ถ่ายน้ำหนักจากโครงหลังคาลงดินได้มั่นคง
ข้อดี: ปลอดภัยต่อการทรุดตัวในระยะยาว เหมาะกับโกดังที่มีเครนหนักหรือชั้นวางสูง
ข้อควรระวัง: ราคาจะสูงกว่าฐานรากตื้น และต้องใช้วิศวกรออกแบบและตรวจสอบอย่างเคร่งครัด
✅ สำรวจสภาพชั้นดิน (เจาะสำรวจดิน) ก่อนตัดสินใจ
✅ ใช้วิศวกรโครงสร้างออกแบบเท่านั้น
✅ ถ้าโกดังติดตั้งเครนราง เครนลอย หรือวางตู้หนัก ต้องเผื่อฐานรากให้รับน้ำหนักจุดได้เพียงพอ
✅ พิจารณาระดับน้ำใต้ดินและการระบายน้ำรอบอาคารด้วย เพื่อป้องกันดินทรุดหรือฐานรากวิบัติ
🏢 โกดังทั่วไป: ถ้าดินดี ใช้ฐานรากตื้น (แผ่) ได้ ประหยัดกว่า
🏢 โกดังใหญ่ ดินอ่อน หรือมีโหลดหนัก: ใช้ฐานรากลึกแบบเสาเข็มดีที่สุด
การลงทุนกับฐานรากที่เหมาะสมจะช่วยให้โกดังของคุณปลอดภัย ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่าการลงทุน
หน้าที่เข้าชม | 3,683 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,970 ครั้ง |
เปิดร้าน | 1 ส.ค. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |